วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

ธรรมสมรส

ธรรมสมรส


ผู้เขียนได้มีโอกาสติดตามหลวงพ่อปัญญานันทะไปในงานแต่งงาน หลังจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว หลวงพ่อปัญญานันทะให้โอวาทแก่คู่บ่าวสาว เรียกว่า “ธรรมสมรส” หลวงพ่อพูดว่า 

“บัดนี้เธอทั้งสองได้ตกลงปลงใจเป็นหุ้นส่วนแห่งชีวิตเดียวกันแล้ว 

การแต่งงานเป็นการรวมคนสองคนให้เป็นคน ๆ เดียวกันใน

ส่วนของร่างกายนั้นไม่สามารถจะรวมกันได้ แต่ส่วนของจิตใจ

ภายในนั้นสามารถรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวได้เปรียบเหมือนกับน้ำพระ

พุทธมนต์ในบาตรที่มาจากธาตุ ๒ อย่าง คือ ออกซิเจน และไน

โตรเจนมารวมกันเป็นน้ำ ไม่แตกแยกจากกัน อยู่ในบาตรก็เป็นน้ำ 

อยู่ในแก้วก็เป็นน้ำ ตกลงมาจากฟ้าก็เป็นน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยัง

เป็นน้ำ ดังนั้นเธอทั้งสองก็จงรวมน้ำจิตน้ำใจให้เป็นหนึ่งเดียว
เหมือนน้ำ” 



ธรรมสมรสที่หลวงพ่อปัญญานันทะได้มอบให้แก่คู่บ่าวสาวในวันแต่งงาน ท่านสอนให้มีความสามัคคีมีน้ำใจต่อกัน โดยใช้น้ำพระพุทธมนต์เป็นสื่อในการสอน นอกจากนั้นพิธีกรรมในงานแต่งงานก็ยังแฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมหลายอย่าง เช่น ให้คู่บ่าวสาวจุดธูปเทียนด้วยกัน ถวายของพระด้วยกัน และตักบาตรด้วยกันอีก ซึ่งบางครั้งคุณแม่เจ้าสาวก็แอบกระซิบอยู่ข้าง ๆ ว่า “จับไว้ข้างบนลูก จะได้ข่มเจ้าบ่าวเอาไว้ก่อน” คุณแม่คงใช้ได้ผลมาแล้วซิ

ในงานแต่งงานนั้นผู้หลักผู้ใหญ่ก็จะอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “ให้อยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ให้มีลูกเต็มบ้าน ให้มีหลานเต็มเมือง” โดยความหมายของท่านก็คือให้รักกันนาน ๆ อย่าเลิกร้างต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในช่วงแต่งงานใหม่ ๆ ย่อมเอาอกเอาใจต่อกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายภรรยาก็ยอมตามสามีทุกอย่างไม่ค่อยพูดค่อยจาโต้ตอบอะไร จนสามีต้องบอกว่า “น้องทำไมไม่พูดบ้าง” แต่ถ้าอยู่ด้วยกันไปสัก 10-20 ปี หรือมีลูกสัก 2-3 คน สามีต้องเปลี่ยนคำพูดกับภรรยาเสียใหม่ว่า “น้องเมื่อไหร่จะหยุดพูดเสียบ้าง” คือ ภรรยาพูดได้ทุกเรื่องแม้ไม่มีหัวข้อเรื่องก็ยังพูดได้เลย ดูซิ ! เปลี่ยนไปขนาดไหน

ส่วนสามีนั้นแต่งงานใหม่ๆ เวลาไปไหนด้วยกันก็เอาออกเอาใจภรรยามากชนิดริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เวลาเดินไปด้วยกันสุนัขเห่าก็แสดงความกล้าหาญวิ่งไล่เตะสุนัขให้ไปไกล ๆ กลัวว่าภรรยาจะรำคาญ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันนาน ๆ มีลูกสัก 2-3 คน เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นตรงกันข้ามก็ได้คือ เมื่อสุนัขเห่าแทนที่ว่าจะไปไล่เตะสุนัขเหมือนเมื่อก่อนก็หันกลับมาเตะภรรยาตนเองเสียนี่! แล้วบอกว่า “รำคาญ ดูซิคนอื่นไม่เห็นมันเห่าเลย เห่าอยู่แต่เธอคนเดียว” ดูซิ ! นี้ก็เปลี่ยนไปได้ขนาดไหนเชียว !

เป็นความจริงว่าความรักในเรื่องร่างกายนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงโรยราไปเป็นธรรมดา ยิ่งภรรยาบางคนเมื่อมีสามีแล้วก็ไม่ต้องระมัดระวังดูแลตัวเองเท่าไหร่ รับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้าจนอ้วนขึ้น อึ๋มขึ้นเกินขนาด บางครั้งสามีกลับจากทำงานเปิดประตูบ้านเข้าไปยังตกใจเลย คิดว่าปลาพะยูนที่ไหนมาเกยตื้นอยู่ที่บ้าน .... อะไรจะขนาดนั้น

ในส่วนของร่างกายมันเปลี่ยนแปลงเร็ว และเบื่อหน่ายต่อกันเร็ว คู่สามีภรรยาจะรักกันดังคำอวยพรที่ว่า “อยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” นั้น จึงต้องรักกันด้วยจิตใจ มีความเสียสละมองเห็นความดีและเอื้ออาทรต่อกันต่างหาก ดังคำกลอนของหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า


“เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง”

การมองกันแต่ส่วนดีจึงทวีความรักต่อกันยิ่งขึ้นทุก ๆ วัน จนมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองได้จริง ๆ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อนันตริยกรรม

อนันตริยกรรม สารานุกรมเสรีอนันตริยกรรม หมายถึง กรรม หนักที่สุด (ครุกรรม) ฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลทันที มี 5 อย่าง คือ มาตุฆาต - ฆ่ามารดา ปิตุ...